สะพานสีทอง กับ มือปืน ที่หายไป
ย้อนไปที่ฤดูกาล 2009/2010 ทัพ สะพานทอง โกลเด้น สเตต วอริเออร์ พวกเขาได้สิทธิ์ดราฟท์อันดับที่ 7 และเลือกจิ้ม สตีเฟ่น เคอร์รี่ เข้าสู่ทีม จากนั้นในฤดูกาล 2011/2012 พวกเขาได้ดราฟท์อันดับ 11 และเลือก เคลย์ ธอมป์สัน เข้าสู่ทีม ทั้งสองคนเป็นประเภทมือปืน มีทีเด็ดที่การชู๊ตสามแต้ม ฤดูกาลแรกที่พวกเขาร่วมงานกัน ผลงานของทีมยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน พวกเขาจบแค่อันดับ 13 เท่านั้น ตกรอบด้วยสถิติ ชนะ 23 แพ้ 43
ฤดูกาลต่อมา 2012/2013 พวกเขาเริ่มฉายแววความเก่ง ช่วยกันทำแต้ม พาทีมจบฤดูกาลปกติด้วยอันดับที่ 6ซึ่งเป็นอันดับที่ดีที่สุดของพวกเขาในรอบ 17 ปี แต่ก็ไปได้แค่รอบรองของสาย ก่อนจะพ่ายทีมแกร่งอย่าง ซานอันโตนิโอ สเปอร์ 2-4
ฤดูกาล 2013/2014 ทั้งสองคนยิ่งเก่งขึ้นเรื่อยๆ พาทีมเก็บชัยชนะได้ถึง 51 เกมในฤดูกาลปกติ แต่ก็ต้องจอดป้ายแค่เพลย์ออฟรอบแรก ด้วยฝีมือของ แอลเอ คลิปเปอร์ 3-4
ฤดูกาล 2014/2015 สตีเฟ่น เคอร์รี่ ส่อง 3 แต้มลงไปถึง 286 ครั้ง ส่วนทาง เคลย์ ธอมป์สัน สมทบเพิ่ม 239 ครั้ง จนถูกตั้งฉายาว่า “สแปลชบราเธอร์” ทำให้นึกถึงน้ำส้มยี่ห่อหนึ่งที่เป็นขวดแก้ว แต่คำว่าสแปลช ใน NBA มันสื่อถึงพวกที่ยิงแล้วลงแบบไม่โดนขอบห่วงเลย หรือบ้านเราเรียกว่า “ซวบ” และทั้งสองคนก็ยังมีฉายาแยกออกมาอีก โดยฝั่ง สตีเฟ่น เคอร์รี่ ได้ฉายา “นักฆ่าหน้าทารก” ส่วน เคลย์ ธอมป์สัน รับฉายา “นักฆ่าหน้านิ่ง” และทั้งสองพา โกลเด้น สเตต วอริเออร์ สู่ความยิ่งใหญ่จนได้ พวกเขาเริ่มต้นด้วยการเป็นทีมที่แกร่งที่สุดในสาย เก็บชัยชนะได้ถึง 67 เกม แพ้แค่ 15 เกม ก่อนจะไล่ตบ นิวออลีน พีลีแกนส์ 4-0 ในเพลย์ออฟรอบแรก ตามด้วยการเก็บ เมมฟิส กรีซลีย์ 4-2 และสอยแชมป์สายเหนือ ฮิวส์ตั้น ร็อคเก็ตส์ 4-1 ก่อนจะต่อยอดความสำเร็จกับแชมป์ NBA สมัยที่ 4 ในประวัติศาสตร์ ด้วยการมีชัยเหนือ คลีฟแลนด์ คลาวาเลียร์ 4-2
จากนั้นพวกเขาช่วยกันผนึกกำลังกับเพื่อนร่วมทีม ช่วยกันพาทีมผ่านเข้าชิงชนะเลิศได้อีก 4 ฤดูกาลติดต่อกัน ซึ่งจบด้วยการเป็นแชมป์เพิ่มอีก 2 ครั้ง
เข้าสู่ฤดูกาล 2018/2019 หลังจากพ่ายแพ้ โตรอนโต้ แร็ปเตอร์ จบเส้นทางคว้าแชมป์ 3 สมัยติดต่อกัน พวกเขายังโชคร้าย เมื่อต้องเสีย สตีเฟ่น เคอร์รี่ ในฤดูกาลถัดมา ทำให้อันดับของพวกเขาดิ่งลงเหว จบด้วยอันดับสุดท้ายของสาย ชนะได้แค่ 15 เกมเท่านั้น
มาถึงฤดูกาลปัจจุบัน 2020/2021 พวกเขาได้ สตีเฟ่น เคอร์รี่ กลับมา แต่ก็ดันเสีย เคลย์ ธอมป์ ไปอีกทั้งฤดูกาลด้วยอาการบาดเจ็บ แต่ สตีเฟ่น เคอร์รี่ ยังแบกทีมจบด้วยอันดับ 8 ก่อนจะพ่าย แอลเอ เลคเกอร์ 100-103 ในการชิงตั๋วใบที่ 7 ในการเข้าสู่เพลย์ออฟ แต่ยังได้ลุ้นในเกมสุดท้ายกับ เมมฟิส กริซลีย์ ในการชิวตั๋วใบที่ 8 ซึ่งพวกเขาจะได้เล่นในบ้าน
ถึงตรงนี้ โกลเด้น สเตต วอริเออร์ คงต้องภาวนาให้ “คู่หูสแปลชบราเธอร์” ของพวกเขากลับมาลงสนามพร้อมกันอีกครั้ง และเมื่อวันนั้นมาถึง พวกเขาก็พร้อมจะกลับมาทวงความยิ่งใหญ่ของพวกเขาคืน
#Inside-Basketball ทันทุกข่าวกีฬาบาส #Inside-Run ทันทุกข่าวกีฬาวิ่ง #Rookie-Sprint ทันข่าวแวดวงจักรยาน